2046 จำนวนผู้เข้าชม |
ความสุขในการทำงาน กับการเลือก... "ขนาดขององค์กร
“ขนาดขององค์กร” ถือเป็นสิ่งที่ผู้สมัครงานหลายคน มีความสงสัยอยู่บ่อยครั้ง ว่าจริงๆ แล้ว การได้ทำงานในบริษัทใหญ่ กับการทำงานในบริษัทเล็ก อย่างไรจะให้ผลดีในการทำงานมากกว่ากัน
เกณฑ์การแบ่งขนาดธุรกิจซึ่งโดยทั่วไปนั้น จะใช้ จำนวนพนักงาน (ขนาดการจ้างงาน) จำนวนเงินลงทุน มูลค่าทรัพย์สิน จำนวนยอดขาย หรือรายได้เป็นเกณฑ์ ซึ่งขนาดของธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องของจำนวนคนนั้น จะส่งผลถึงรูปแบบการทำงาน นโยบายบริษัท วัฒนธรรมองค์กรในภาพรวมทั้งหมด โดยที่บริษัทแต่ละขนาด ก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้
ธุรกิจขนาดเล็ก SME, Startup จนถึงธุรกิจขนาดกลาง
การที่บริษัทมีกำลังคนไม่มากจนเกินไปนั้น พนักงานแต่ละคน แต่ละตำแหน่ง อาจจำเป็นต้องพัฒนาและฝึกฝนตนเองเพื่อรองรับการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งมองในแง่ดีก็เป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพของตนเองได้ ซึ่งส่งผลดีต่ออนาคตของตัวพนักงานเอง
การทำงานในบริษัทขนาดเล็ก – ขนาดกลาง จะทำให้พนักงานแต่ละคนสามารถเรียนรู้และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือ แม้แต่ผู้บริหารฯ ทำให้มีโอกาสในการแสดงความสามารถให้ผู้บริหารระดับสูงเห็นได้ หรือแม้กระทั่งอาจจะมีโอกาสในการตัดสินใจเรื่องสำคัญได้มากขึ้น พนักงานจะมีความรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าองค์กรใหญ่ หลายคนจึงรู้สึกมีความสุขมากกว่า เสมือนเป็นปลาใหญ่ในบ่อเล็ก เพราะรู้สึกว่าตนเองมีบทบาทสำคัญ ถูกมองเห็น และพึงพอใจกับการทำงานมากขึ้น
ทั้งนี้ ก็มีข้อเสียบางอย่างเช่น ระบบการทำงานที่ไม่ชัดเจน ขาดทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ หรือ ต้องทำงานแบบ Multitask รวมทั้งสวัสดิการอาจจะไม่เยอะเท่ากับบริษัทใหญ่ ซึ่งอาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นคงได้
ธุรกิจขนาดใหญ่, บริษัทที่มีชื่อเสียง
แน่นอนว่าหากเราสามารถเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ได้นั้น สิ่งที่เป็นผลดีในอันดับแรกคือ ประวัติการทำงาน ซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่าการทำงานในบริษัทที่ไม่มีใครรู้จัก ซึ่งในมุมมองของคนทั่วไปจะมีความเชื่อมั่นในความสามารถในการทำงานของคนที่ทำงานในบริษัทใหญ่มาก่อน ด้วยระบบงานที่เป็นระบบมากกว่า และบริษัทเหล่านี้จะมีโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เป็นตัวการันตรีคุณภาพของตนเองในอนาคตได้
รวมถึงการทำงานที่มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน เนื่องจากมีกำลังคนมากกว่า อาจจะมีฝ่ายที่เชี่ยวชาญในบางงานเป็นพิเศษมาดูแลเฉพาะด้าน ทำให้ความกดดันในการทำงานลดน้อยลง และโฟกัสงานของตนเองได้มากขึ้น รวมไปถึงการมมีงบประมาณที่สนับสนุนในการทำงานมากกว่าบริษัทเล็ก
ทั้งนี้ การทำงานในบริษัทใหญ่ ก็มีข้อเสียในบางเรื่อง เช่น ขั้นตอนการทำงานที่มากขึ้น แต่ละงานอาจจะต้องอาศัยเวลามากกว่า เพราะมีหลายฝ่ายเกี่ยวข้องหรือ มีระเบียบที่ซับซ้อนกว่า , การเปลี่ยนแปลงในระบบการทำงานหรือนโยบายของบริษัทฯ เกิดขึ้นได้ยากกว่า, มีการแข่งขันสูง เนื่องจากบริษัทมีขนาดใหญ่ ทำให้พนักงานที่ไม่มีผลงานหรือไม่มีความสามารถโดดเด่น มีโอกาสถูกลืม หรือถูกมองข้ามได้ง่าย จึงต้องผลักดันตัวเองอยู่ตลอดเวลา หากต้องการความก้าวหน้าในการทำงาน
ทั้งหมดนี้ เป็นความแตกต่างกัน ทั้งในข้อดี และ ข้อเสียของการทำงานที่มีขนาดองค์กรแตกต่างกัน ซึ่งด้วยรูปแบบของวิธีการทำงานนั้น จะเป็นตัวกำหนดความสุข ความทุกข์ ความเครียด และ ความกดดันในการทำงาน รวมทั้งความรู้สึกภาคภูมิใจในการทำงานด้วย
หากคุณชอบที่จะมีส่วนร่วมในงานส่วนใหญ่ของบริษัท และมองว่าการได้ทำงานที่หลากหลายเป็นเรื่องท้าทายและสนุก รวมทั้งรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญของบริษัท คุณอาจจะเหมาะกับการทำงานในบริษัทขนาดเล็ก-ขนาดกลาง แต่หากคุณชอบบริษัทที่มีโครงสร้างการทำงานชัดเจน มีความมั่นคง มีสวัสดิการครอบคลุม และ ไม่กดดันต่อการแข่งขัน บริษัทขนาดใหญ่อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่า ซึ่งก็ไม่มีคำตอบตายตัวว่าแบบไหนถูกต้อง เราแค่ต้องเลือกให้เหมาะสม ให้ตรงกับจริตในการทำงานของเราเพื่อความสุขในการทำงานของตนเองในอนาคต